วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พุทธประวัติคำกลอน๒

ทุกข์ในโลกมากมีที่ประจักษ์

ต่างพร้อมพรักโรมรันใจให้ทุกขี


ความสุขโลกหาได้งานตามวจี

ได้แต่มีความเศร้าเคล้ากันไป

ตื่นเริงรื่นชื่นบานในกาลแรก

เช้าอาจแทรกเป็นเจ็บช้ำน้ำตาไหล

บ่ายอาจเฉยไร้อารมณ์ผสมใจ

ดำเนินไปตามครรลองของชีวา

หายากมีสุขยืนตื่นจากโลก

พ้นความโศกกิเลสชั่วตัวตัณหา

ใครเล่าใครจะหลุดพ้นไม่วนมา

ข้ามวัฏฏาไม่เวียนเกิดกำเนิดกาย

ทันใดนั้นพลันแลเห็นเป็นประเสริฐ

ทุกข์มีเกิดมีดับดิ้นสั้นสงสัย

นั้นนั่นคือสมณะผู้หลีกไกล

เดินทางไปจากกิเลสเหตุทั้งมวล

ร่างผุดผ่องละอองใส่ดังใยฝ้าย

ดำเนินไปสงบองค์ทรงสงวน

สำรวมกายใจวาจาตามสมควร

มิเวรรวนรีบเร่งเบ่งกายา

ทุกอย่างก้าวมีสติดำริตรึก

หาได้นึกถึงกิเลสเหตุทุกขา

ดังนี้แล้วสิทธัตถะแจ้งปัญญา

จึงกลับมาตั้งใจมั่นมิผันแปร

ในราตรีคืนนั้นวันคลอดบุตร

มหาบุรุษรู้ห่วงบ่วงยิ่งแท้

ราหุลองค์ทรงรักยิ่งดังดวงแด

ได้เพียงแต่ยืนรำพึงถึงบุตรองค์

มองดูบุตรสุดความรักประจักษ์ยิ่ง

ยืนแน่นิ่งในหทัยใจประสงค์

อยากโอบกอดลูกน้อยแท้มั่นคง

ได้แต่ปลงหากบุตรตื่นคงฝืนใจ

จึงหันหลังครั้งนี้ไม่มีกลับ

เพื่อจะดับตัวทุกข์โศกวิโยคหาย

นำมวลสัตว์วัฏฏะหลงลงจากภัย

จึงมุ่งไปเพื่อค้นธรรมล้ำเลิศคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น